วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

รายงาน
เรื่อง....นิทานพื้นบ้าน

จัดทำโดย
1. นางสาว สุวนันท์ สุขราม เลขที่ 9 ชั้น ม.3
2. นางสาว วาสนา เกื้อหล่อ เลขที่ 16 ชั้น ม.3
3.นางสาว มณีพรรณ มากชิต เลขที่ 12 ชั้น ม.3
4.นางสาว สุภาพร ราชมนตรี เลขที่ 11 ชั้น ม.3
5.นางสาว วิธิตา คงหาเพ็ชร เลขที่ 18 ชั้น ม.3

เสนอ
คุณครู อรวรรณ ยิ่งดำนุ่น
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา คอมพิวเตอร์
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559

เรื่องที่..1
ปลาบู่ทอง..
 เศรษฐีชื่อทารกะมีอาชีพจับปลา มีภรรยา 2 คน เมียหลวงชื่อนางขนิษฐา มีลูกสาวชื่อเอื้อย เมียน้อยชื่อนางขนิษฐี มีลูกสาว 2 คน คนโตชื่ออ้าย คนเล็กชื่ออี่ นางขนิษฐีเมียน้อยมีจิตริษยาเมียหลวง จึงใช้เล่ห์กลมารยาพูดยุแหย่สามีอยู่ตลอดเวลา เช้าวันหนึ่ง        ทารกะออกหาปลาพร้อมกับนางขนิษฐา จนกระทั่งสายทอดแหได้ปลาบู่ทองขึ้นมาเพียงตัวเดียว พอนางขนิษฐาขอปลาบู่ทองเพื่อจะให้ลูกสาวเลี้ยงเอาไว้ ทารกะโมโหจึงคว้าพายขึ้นมา ตีนางขนิษฐาด้วยความโกรธ จนนางขนิษฐาสลบ และผลักนางขนิษฐาตกน้ำไป  เอื้อยเมื่อขาดแม่แล้ว ก็ถูกนางขนิษฐีพร้อมทั้งลูกสาวทั้งสองรุมกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ  และใช้เอื้อยทำงานหนักตลอดเวลา เย็นวันหนึ่งหลังจากที่เอื้อยทำงานบ้านเสร็จแล้วได้มานั่งเล่นที่ท่าน้ำและร้องไห้ด้วยความคิดถึงแม่ นางขนิษฐามีความห่วงใยลูกสาว เมื่อตายไปก็มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง และว่ายน้ำมาที่ท่าน้ำที่เอื้อยนั่งอยู่พร้อมกับร้องเรียกเอื้อย เอื้อยจำเสียงแม่ได้จึงมองหาเสียงนั้นก็เห็นปลาบู่ทอง จึงรู้ว่าแม่มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง แม่จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เอื้อยฟัง  นางขนิษฐีสืบได้ว่านางขนิษฐามาเกิดเป็นปลาบู่ทอง จึงให้อ้ายไปจับปลาบู่ทองมา
ทำเป็นอาหาร เมื่อได้ปลามาก็ขอดเกล็ด เอื้อยรีบนำข้าวคลุกรำไปที่ท่าน้ำร้องเรียกหาแม่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ปรากฏร่างของแม่ปลาบู่ทองเลย เอื้อยก็เอะใจแม่จะต้องได้รับอันตรายแน่นอน เอื้อยเดินกลับบ้านด้วยความเสียใจ เป็ดซึ่งเดินป้วนเปี้ยนใกล้ๆ กับที่เอื้อยนั่งทอดอาลัยอยู่ เป็ดได้พูดขึ้นว่าแม่ปลาบู่ทองของเอื้อยตายเสียแล้ว พร้อมทั้งคลายเกล็ดปลาบู่ทองให้เอื้อย เอื้อยจึงเอาเกล็ดปลาบู่ทองมาอธิษฐาน ขอให้แม่เกิดเป็นต้นมะเขือเปราะ และด้วยคำอฐิษฐานนั้นต้นมะเขือเปราะก็ได้เกิดขึ้น  เอื้อยดีใจคอยเฝ้ารดน้ำต้นมะเขือทุกวันจนงอกงามมีลูกเต็มต้น นางขนิษฐีแม่เลี้ยงได้รู้เรื่องต้นมะเขือที่เอ้อยปลูกไว้ จึงสั่งให้อ้ายไปตัดทำลายเสีย เอื้อยกลับมาเห็น
ต้นมะเขือถูกฟันทิ้ง เอื้อยเก็บเม็ดมะเขือที่เหลืออยู่ แอบไปอฐิษฐานปลูกให้เป็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง ต้นโพิธิ์เงินโพธิ์ทองงอกงามเป็นประกายระยิบระยับ ท้าวพรหมทัตได้เสด็จออกประพาสป่า ได้พบต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองก็ทรงพอพระทัย ได้รับสั่งให้ทหารถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองเพื่อที่จะนำไปปลูกในพระราชวัง แต่ไม่สามารถถอนขึ้นได้ และทรงทราบว่าเป็นของเอื้อย จึงรับสั่งให้เอื้อยจัดการนำเอาไปปลูกในพระราชวังได้สำเร็จ และเอื้อยก็ได้เป็นพระมเหสีของท้าวพรหมทัต นางขนิษฐีได้ออกอุบายให้อ้ายเข้าวังไปบอกเอื้อยให้รีบกลับมาเยี่ยมพ่อที่บ้าน พ่อป่วยหนัก เอื้อยหลงกลจึงกลับบ้านเมื่อเดินเข้าบ้านก็เหยียบกระดานที่แม่เลี้ยงทำไว้ ตกลงไปในกระทะร้อนที่กำลังเดือดอยู่ ขาดใจตายในทันที      หลังจากเอื้อยตายแล้วนางขนิษฐีก็ให้อ้ายแต่งตัวเข้าไปในวังเป็นมเหสีแทนเอื้อย วิญญาณของเอื้อยได้ไปเกิดเป็นนกแขกเต้าและบินกลับมาที่วังได้พบกับท้าวพรหมทัต นกแขกเต้าได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ท้าวพรหมทัตฟังทั้งหมด เมื่อท้าวพรหมทัตทราบดังนั้นจึงได้พระราชทานกรงทองแขวนไว้อยู่หน้าเฉลียงห้องบรรทม    วันหนึ่งท้าวพรหมทัตได้เสด็จออกนอกพระราชวัง เพื่อทรงคล้องช้าง อ้ายมีจิตริษยาอยู่แล้ว เมื่อเห็นได้โอกาสเช่นนั้น จึงได้จับนกแขกเต้าออกมาถอนขนจนหมด
ทั้งตัวแล้วส่งให้แม่ครัวนำไปแกงคั่ว ยังไม่ทันที่แม่ครัวจะทำอะไร พอแม่ครัวเผลอ  นกแขกเต้าก็หนีกระเสือกกระสนเข้าไปในรูหนู และอาศัยอยู่จนกระทั่งขนขึ้นจนหมดตัวเหมือนเดิม นกแขกเต้าอำลาหนูแล้วบินไปอาศัยอยู่กับพระฤาษี พระฤาษีล่วงรู้อดีตของนกแขกเต้าว่าเป็นมาอย่างไร จึงได้ชุบนกแขกเต้าให้กลับกลายร่างเป็นเอื้อยเหมือนเดิม  พร้อมทั้งชุบร่างกุมารน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกคนเพื่อเป็นลูกของเอื้อย ชื่อ ลบกุมาร  ลบกุมารอยากไปพบเสด็จพ่อท้าวพรหมทัตจึงอ้อนวอนแม่เอื้อย    แม่เอื้อยจึงอนุญาตให้ไปและมอบพวงมาลัยปริศนาให้ลบกุมารคล้องคอไปด้วย เมื่อลบกุมารได้พบท้าวพรหมทัต และได้ทรงเห็นพวงมาลัยที่คล้องคอลบกุมาร ก็แจ้งในพระทัยว่าเอื้อยยังมีชีวิตอยู่ จึงจัดขบวนเสด็จไปรับเอื้อยเข้าพระราชวัง และเอื้อยทูลขอให้รับนางขนิษฐีแม่เลี้ยงและพ่อเข้ามาอยู่ในพระราชวังด้วย ส่วนอ้ายนั้นกลัวถูกประหารชีวิตจึงชิงฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษ ท่านท้าวพรหมทัตและนางเอื้อย ลบกุมารก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

เรื่องที่...2
ไกรทอง
ชาละวันเป็นจระเข้เจ้า อาศัยอยู่ในถ้ำทองใต้บาดาล ในถ้ำทองจระเข้จะกลายร่าง เป็นคนได้ ชาละวันตอนกลายร่างเป็นคนจะเป็น หนุ่มรูปงาม โดยชาละวันเองมีเมียสาว สวยเป็นนางจระเข้ 2 ตัว
    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
ชาละวันเป็นจระเข้เจ้า อาศัยอยู่ในถ้ำทองใต้บาดาล ในถ้ำทองจระเข้จะกลายร่าง เป็นคนได้ ชาละวันตอนกลายร่างเป็นคนจะเป็น หนุ่มรูปงาม โดยชาละวันเองมีเมียสาว สวยเป็นนางจระเข้ 2 ตัวคือ วิมาลา และเลื่อมลายวรรณ ชาละวันเป็นหลานชายของ ท้าวรำไพ ผู้เป็นจระเข้เจ้าที่อยู่ในศีลธรรม ไม่เคยจับสัตว์หรือมนุษย์กินเป็นอาหารและ จะกินแต่ซากสัตว์ที่ตายแล้วเป็นอาหารเท่านั้น ชาละวัน แม้อยู่ในถ้ำทองจะอิ่มทิพย์ไม่ต้อง กินเนื้อ แต่ ด้วย ความมีนิสัยที่เป็น อันธพาล จึง ชอบมาเมืองบน ตามแม่น้ำลำคลอง จับคนที่เป็นชาวบ้านและสัตว์กินเพื่อความสนุกสนาน
ณ หมู่บ้านดงเศรษฐี แขวงเมืองพิจิตร มีพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่ง มีความงามเป็นที่ เลื่องลือ ชื่อนางตะเภาแก้ว ผู้พี่ และนางตะเภาทอง ผู้น้อง ทั้งสองเป็นบุตรเศรษฐีคำ และ คุณนายทองมา วันหนึ่งนางตะเภาแก้วและนางตะเภาทองได้ลงไปเล่นน้ำที่ท่าหน้าบ้าน ช่วงเวลานั้นเจ้าชาละวัน ซึ่งเป็นจระเข้ได้ออกมาว่ายน้ำหาเหยื่อ เมื่อได้เห็นนางตะเภาทอง ก็ลุ่มหลงในความงาม จึงโผล่ขึ้นเหนือน้ำเข้าไปคาบนางตะเภาทองแล้วดำดิ่งไปยังถ้ำทอง อันเป็นที่อยู่ของเจ้าชาละวัน เมียของชาวละวันคือ วิมาลา และเลื่อมลายวรรณ เห็นก็ไม่ พอใจแต่ก็ห้ามสามีไม่ได้เพราะเกรงกลัวจึงต้องยอมให้ผัวมีเมียเป็นมนุษย์อีกคน เมื่อนางตะเภาทองฟื้นขึ้นมาเจ้าชาละวันก็เกี้ยวพาราสี แต่นางตะเภาทองก็ไม่สนใจ เจ้าชาละวันจึงจำต้องใช้เวทมนตร์สะกดให้นางตะเภาทองหลงรัก และยอมเป็นภรรยา ตั้งแต่นั่นมา
เศรษฐีคำ และคุณนายทองมาโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ที่นางตะเภาทอง บุตรสาวคนเล็กถูกเจ้าชาละวันคาบไป และคิดว่าบุตรสาวตนคงตายไปแล้ว ด้วยความรัก ในบุตรสาว และความแค้นในเจ้าชาละวัน จึงประกาศออกไปว่าใครที่พบศพนางตะเภาทอง และสามารถปราบจระเข้ตัวนี้ได้จะมอบสมบัติของตนเองให้ครึ่งหนึ่ง และจะให้แต่งงาน กับนางตะเภาแก้วด้วย แต่ก็ไม่มีหมอจระเข้คนไหนสามารถปราบเจ้าชาละวันได้ นอกจาก กลายเป็นเหยื่อของเจ้าชาละวันคนแล้วคนเล่า จนในที่สุดก็มีชายหนุ่มรูปงาม นามว่าไกรทอง ซึ่งได้ร่ำเรียนวิชาการปราบจระเข้จากอาจารย์คง จนมีความเก่งกล้า ได้อาสามาปราบเจ้า ชาละวัน แต่อาจารย์คงรู้ว่าเจ้าชาละวันเป็นพญาจระเข้มีอำนาจมาก และหนังเหนี่ยว ฆ่าฟันไม่ตาย เนื่องจากมีเขี้ยวเพชรทำให้อยู่ยงคงกระพัน จึงได้มอบหอกสัตตโลหะ , เทียนระเบิดน้ำ เสื้อยันต์และลูกประคำปลุกเสก แก่ไกรทอง
รุ่งเช้าตั้งพิธีบวงสรวงพร้อมอ่านคาถา ทำให้เจัาชาละวันเกิดร้อนลุ่มต้องออกจาก ถ้ำขึ้นมาต่อสู้กับไกรทอง ไกรทองกระโดดขึ้นบนหลังจระเข้ และแทงด้วยหอกสัตตโลหะ ทำให้อาคมของเขี้ยวเพชรเสื่อม หอกได้ทิ่มแทงเจ้าชาละวันจนบาดเจ็บสาหัส และได้หนี กลับไปที่ถ้ำ แต่ไกรทองก็ใช้ เทียนระเบิดน้ำ ตามไปต่อสู้อีกในถ้ำ
ระหว่างที่เข้าไปในถ้ำไกรทองก็พบกับ วิมาลา เมียของชาละวัน ด้วยความเจ้าชู้ จึงเกี้ยวพาราสี นางวิมาลา จนนางใจอ่อนยอมเป็นชู้ และบอกทางไปช่วย นางตะเภาทอง
ไกรทองตามมาต่อสู้กับเจ้าชาละวัน ในถ้าต่อจนเจ้าชาละวันตาย และไกรทองก็ได้ พานางตะเภาทองกลับขึ้นมา เศรษฐีดีใจมากจึงจัดงานแต่งงานให้ไกรทองกับนางตะเภา แก้ว พร้อมมอบสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง แถมนางตะเภาทองให้อีกคน ไกรทองจอมเจ้าชู้ก็รับไว้ ด้วยความยินดี
แต่ยังไม่จบแค่นั้นด้วยความเจ้าชู้ของไกรทองแม้ชาละวันตายไป ไกรทองก็ยังหลง รสรักกับนางวิมาลา จงไปหาสู่ที่ถ้ำทอง และคิดจะพานางวิมาลาไปอยู่กินด้วย โดยทำพิธีทำ ให้นางยังคงเป็มมนุษย์แม้ออกนอกถ้ำทอง นางตะเภาแก้ว และ นางตะเภาทอง จับได้ว่า สามีไปมาหาสู่ นางจระเข้จึงไปหาเรื่องกับนางในร่างมนุษย์จนนางวิมาลาทนไม่ไหวกลับ ร่างเป็นจระเข้และไกรทองต้องออกไปห้ามไม่ให้เมียตีกันและอำลาจากนางวิมาลา ด้วย ใจอาวร


เรื่องที่...3
สังข์ทอง

ณ เมืองยศวิมลนคร อันมีท้าวยศวิมลเป็นเจ้าเมือง พระมเหสีจันเทวีได้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ จึงถูกพระนางจันทา มเหสีรอง ใส่ร้ายว่าเป็นกาลีบ้านเมือง จนถูกขับออกจากเมืองไปอยู่กระท่อมตายายที่ชายป่า จนกระทั่งพระสังข์ที่ซ่อนอยู่ในหอย ได้ออกมาพบแม่ สร้างความยินดีกับพระนางจันเทวีมากข่าวล่วงรู้ไปถึงนางจันทา จึงได้ส่งคนมาจับพระสังข์ไปถ่วงน้ำ แต่ท้าวภุชงค์พญานาคราชช่วยเอาไว้ และส่งให้ไปอยู่กับ นางพันธุรัต พระสังข์รู้ว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์จึงขโมยรูปเงาะ ไม้เท้า เกือกแก้ว เหาะหนีมาอยู่บนเขา นางพันธุรัตตามมาทันแต่ ไม่สามารถขึ้นไปหาพระสังข์ได้ จึงได้มอบมนต์มหาจินดา เรียกเนื้อเรียกปลาให้แก่พระสังข์ก่อนที่จะอกแตกสิ้นใจตายที่เชิงเขา นั่นเอง พระสังข์เหาะมาจนถึงเมืองสามล ท้าวสามลและนางมณฑากำลังจัดพิธีเลือกคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด แต่รจนาพระธิดาองค์สุดท้อง ไม่ยอมเลือกใครเป็นคู่ ท้าวสามลจึงให้คนไปตามเจ้าเงาะมาให้เลือก รจนาเห็นรูปทองที่ซ่อนอยู่ในรูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให้ สร้างความพิโรธให้ท้าวสามาลจึงถึงกับขับไล่รจนาให้ไปอยู่กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะท้าวสามลหาทางแกล้งเจ้าเงาะ โดยการให้ไปหาเนื้อหาปลาแข่งกับเขยทั้งหก เจ้าเงาะให้มนต์ที่นางพันธุรัตให้ไว้เรียกเนื้อ เรียกปลามารวมกันทำให้หกเขยหาปลาไม่ได้ จึงต้องยอมตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกับเนื้อและปลาท้าวสามลพิโรธมากจนถึงกับคิดหาทางประหารเจ้าเงาะ ร้อนถึงพระอินทร์ต้องหาทางช่วยโดยการลงมาท้าตีคลีชิงเมือง กับท้าวสามล ท้าวสามลส่งหกเขยไปสู้ก็สู้ไม่ได้ จึงต้องยอมให้เจ้าเงาะไปสู้แทน เจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์และสู้กับพระอินทร์ จนชนะ ท้าวสามลจึงยอมรับพระสังข์กลับเข้าเมืองและจัดพิธีอภิเษกให้ พระอินทร์ไปเข้าฝันท้าวยศวิมล เพื่อบอกเรื่องราวทั้งหมด ท้าวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันเทวีจนพบ และได้เดินทาง ไปเมืองสามลนครเพื่อพบพระสังข์ โดยพระนางจันเทวีได้ปลอมเป็นแม่ครัวในวังและได้แกะสลักเรื่องราวทั้งหมดบนชิ้นฟัก ให้พระสังข์เสวย ทำให้พระสังข์รู้ว่าแม่ครัวคือพระมารดานั่นเอง พระสังข์และรจนาจึงได้เสด็จตามท้าวยศวิมลและพระนาง จันเทวีกลับไปครองเมืองยศวิมลสืบไป

เรื่องที่...4
ยอพระกลิ่น

ท้าววรกรรณ และ พระนางบุษบง ได้จัดงานเลือกคู่พระธิดา ชื่อ เกศนี มีราชา และเจ้าชายจากต่างเมือง มาเลือกคู่มากมาย และนางกลับเลือกชายที่สติไม่เต็ม ท้าววรกรรณจึงขับไล่ออกนอกวัง ชายบ้าใบ้จึงคืนร่างกลายเป็นพระอินทร์ดังเดิม และพานางเกศนีขึ้นไปอยู่บนสวรรค์จนมีลูก แต่ทวยเทพจะมีลูกไม่ได้ผิดธรรมเนียม จึงนำลูกที่ชื่อยอพระกลิ่นมาไว้ในปล้องไผ่ จึงเสกของอำนวยความสะดวกให้แก่ยอพระกลิ่นจนโตเป็นสาว ทำให้ปล้องไผ่นั้นหอมอบอวลมณีพิชัย โอรสท้าวพิไชยนุราช และ นางจันทร แห่งกรุงอยุธยาได้ออกมาเที่ยว ได้กลื่อนจากปล้องไผ่ จึงใช้ดาบฟันปล้องไผ่ และปรากฏร่างหญิงสาว ชื่อ ยอพระกลิ่น จึงพยรักกัน และได้พานางเข้าวัง และบอกกับเสด็จพ่อเสด็จแม่ว่า ยอพระกลิ่นเป็น ชายา(เมีย) ของตนท้าวพิไชยนุราชสุดแสนดีใจ แต่ฝ่ายแม่นั้นไซร้ เกลียดซังนางยอกพระกลิ่นอย่างยิ่ง เพราะ ลูกของตนได้หมั้นหมายกับองค์หญิงแห่งกรุงจีนไปแล้ว กลับพานางยอพระกลิ่นแล้วมาบอกว่าเป็นเมียเสียนี่วันหนึ่งนางคิดแกล้งจึงบอกสาวใช้เอาเลือดแมวและศพแมวไปทิ้งไว้ในห้องยอพระกลิ่น รุ่งขึ้น นางจันทรจึงบอกกับท้าวพิไชยนุราชว่า นางยอพระกลิ่นเป็นกระสือ ให้ไล่ออกไป เพราะหลักฐานและพยานหนาแน่นนางยอพระกลิ่นจึงถูกขับไล่ออกจากวัง และพ่อของยอพระกลิ่น ได้ลงมาบอกให้ลูกสาวแปลงกายเป็นพราหมณ์ รอแก้แค้นอยู่ที่อาศรมริมสระน้ำนี่วันหนึ่งนางจันทรมาอาบน้ำที่สระได้ถูกงูผิดที่แอบอยู่กับดอกบัวกัด นางเจ็บปวดแทบขาดใจกระเซอะกระเซิง เข้าวัง พราหมณ์ก็ได้ตามไปด้วยพร้อมกับบอกให้นางจันทรว่าจะรักษาพิษงูให้ หากนางยอมบอกความจริงว่ายอพระกลิ่นไม่ได้กินแมวนางรักษาให้ แต่หากไม่ยอมบอกจะปล่อยให้ตายนางจึงเล่าความจริงให้ฟัง และพอรักษาพิษงูได้ พราหมณ์ก็เอ่ยปากขอมณีพิชัยไปเป็นทาสสักระยะหนึ่งราชาก็ตกลงมณีพิชัยอยู่รับใช้พราหมณ์ที่อาศรมเป็นเวลานานหลายเดือน ถึงแม้พราหมณ์ยอพระกลิ่นจะแปลงกายเป็นสาวสวยมาลวงล่อให้หลงรัก แต่มณีพิชัยก็ไม่ชายตาแล พราหมณ์ยอพระกลิ่นเห็นว่า ผัวของตนซื่อสัตย์กับตนเองจึงคืนมณีพิชัยให้แก่เมืองอยุธยาดังเดิมทางกรุงจีนเมืองปักกิ่งได้เร่งรัดให้ทางเมืองอยุธยามาแต่งงานองค์หญิงเล็กเร็วๆสักที เจ้าชายมณีพิชัยจึงต้องไปอภิเษกกลัวจะเกิดสงครามใหญ่ พราหมณ์ยอพระกลิ่นจึงขอตามไปด้วย พอไปถึงเจ้ากรุงจีนได้ทราบว่ามณีพิชัยได้มีชายาแล้วจึงแกล้งให้มณีพิชัยยกขันหมากมา 1,000 ชุด หากไม่ได้จะถูกประหาร ทั้งสองจึงหนีหลงเข้าไปในเมืองยักษ์ สลบไร้สติเพราะมนต์แห่งเมืองยักษ์ นางวาสันจึงจับมณีพิชัยไปให้นางผกาลูกสาวที่ตำหนัก จนพราหมณ์ฟื้นเห็นนางผกาอยู่กับผัวของตนที่ตำหนัก ก็พร่ำรำพันต่างๆนานา แล้วก็แปลงกายเป็นนางยอพระกลิ่นดังเดิมจนหมดสติไปอีก พระอินทร์จึงต้องมาแก้ไขเรื่องราวแล้วเหาะมาส่งที่เมืองอยุธยา ทั้งสองจึงจัดงานอภิเษกที่ยิ่งใหญ่ และครองรักกันอย่างมีความสุข ตราบฟ้าดินมลาย 

เรื่องที่...5

พิกุลทอง




วันหนึ่งเจ้าหญิงพิกุลทองทูลลาพระบิดาไปเล่นน้ำกับพวกพี่เลี้ยง ขณะกำลังสนุกเพลิดเพลินกันอยู่นั้น เผอิญมีพญาแร้งตัวหนึ่งเจาะกินหมาเน่าซึ่งลอยมาตามกระแสน้ำส่งกลิ่นเหม็นรบกวน ทำให้เจ้าหญิงและพี่เลี้ยงเกิดความไม่พอใจออกปากด่าว่าพญาแร้งไป
พญาแร้งเห็นว่าเจ้าหญิงเป็นถึงพระธิดาแต่กลับพูดจาหยาบคายด้วยการที่ตนกินซากสัตว์ซึ่งตายเน่าเหม็นนั้นเป็นไปตามวิสัยจึงเกิดความโกรธและอาฆาต ครั้นบินไปจนลับตาผู้คน พญาแร้งได้แปลงร่างเป็นชายหนุ่มรูปงามแล้วไปขออาศัยอยู่กับตายาย เพื่อหาหนทางแก้แค้นเจ้าหญิง
หนุ่มรูปงามได้พยายามเอาอกเอาใจสองตายายด้วยการเนรมิตเงินทองให้ใช้ทำให้เป็นที่รักใคร่เอ็นดู วันหนึ่งพญาแร้งได้ออกปากให้ไปขอเจ้าหญิงพิกุลทองมาเป็นภรรยาของตน สองตายายพยายามห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผลจึงจำต้องไปทูลขอพระธิดา ท้าวสัณนุราชก็ทรงกริ้วตรัสว่าเมื่อไม่เจียมตัวมาขอเจ้าหญิงไปให้หลานชายก็จะยกให้ แต่ต้องสร้างสะพานเงินสะพานทองจากบ้านของสองตายายมาถึงพระราชวังให้เสร็จภายในวันรุ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นจะมีโทษถึงประหาร
สองตายายตกใจกลับมาถึงกระท่อมต่างคลุมโปงนอนตัวสั่นด้วยวามกลัว แต่พญาแร้งกลับบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก ครั้นพอเที่ยงคืนก็กลับสู่ร่างเดิมแล้วบินไปยังเขาเนินทะกาอันเป็นที่อยู่ของจน พร้อมสั่งเหล่าบริวารให้มาช่วย บริวารพญาแร้งแปลงร่างเป็นชายหนุ่มและช่วยกันเนรมิตรพักเดียวสะพานเงินสะพานทองรวมทั้งประสาทราชวังก็สำเร็จ
เจ้าหญิงพิกุลทองจำต้องอภิเษกสมรสกับพญาแร้งตามข้อสัญญา ตกกลางคืนพญาแร้งหมายจะกินเจ้าหญิงให้สมแค้น แต่ไม่อาจเข้าใกล้ได้ด้วยเกิดเร่าร้อนทุกครั้งที่ไปถูดเนื้อต้องตัว ฝ่ายเจ้าหญิงได้กลิ่นเหม็นเน่าจากซากศพที่พญาแร้งกินเป็นอาหารก็บ่นว่าอยู่ตลอดคืนไม่ยอมให้เข้าใกล้ ครั้นรุ่งเช้าพญาแร้งได้ออกอุบายชวนเจ้าหญิงไปเยี่ยมบิดามารดาของตนดดยเรือสำเภา ใช้เวลาเดินทางอยู่สามเดือนจึงไปถึงเขตเขาเนินทะกา พญาแร้งบอกให้เจ้าหญิงกับเหล่าข้าราชบริพารตามเสด็จคอยอยู่ในเรือซึ่งจอดอยู่ที่ หาดปักษี ส่วนตนจะรีบไปจัดเตรียมต้อนรับแล้วจะมาเชิญเสด็จ แต่ความจริงพญาแร้งได้ไปสั่งให้เหล่าบริวารของตนมาช่วยกันจับคนของเจ้าหญิงกินเป็นอาหารโดยให้เว้นเจ้าหญิงไว้ตนจะกินเอง
ดวงชะตาของเจ้าหญิงพิกุลทองยังไม่ถึงฆาตจึงหนีเข้าไปซ่อนในเสากระโดงโดยความช่วยเหลือของแมย่านาง พญาแร้งหาเจ้าหญิงไม่พบเข้าใจว่าถูกกินเป็นอาหารไปแล้วจึงได้แต่แสดงความโกรธเกรี้ยวกับเหล่าบริวาร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วเจ้าหญิงพิกุลทองจึงออกจากที่ซ่อนลงสรงน้ำ และได้จารึกเรื่องราวพร้อมนำเส้นผมใส่ผอบทองลอยไปตามน้ำเสี่ยงสัตย์อธิษฐานขอให้มีผู้มาพบและมาช่วยเหลือ ผอบทองลอยไปจนถึงเมือง ชัยมงกุฎ ซึ่งมี พระสังข์ศิลปชัย และ พระนางสุพรรณกัลยา เป็นผู้ปกครอง พระพิชัยมงกุฎ พระราชโอรสลงสรงน้ำเห็นผอบทองลอยมาจึงเสี่ยงสังข์วิเศษประจำตัวออกไป อธิษฐานเสี่ยงบารมีว่าหากเป็นผอบของศัตรูให้ทำลายเสีย แต่ถ้าเป็นของเนื้อคู่ก็ให้สังข์วิเศษช้อนมาให้ สังข์วิเศษช้อนผอบทองมาให้เจ้าชายพิชัยมงกุฎตามคำอธิษฐาน เมื่อเปิดออกดูพบเส้นผมมีกลิ่นหอม ครั้นอ่านเรื่องราวก็มีเสน่หารักใคร่ในเจ้าหญิงพิกุลทองถึงกับนอนซมคล้ายคนไข้หนัก พระบิดามารดาต้องอนุญาตให้นำสำเภาทองออกติดตามหาเจ้าหญิงตามความประสงค์
สำเภาทองแล่นอยู่กลางทะเลเป็นเวลาหลายวัน จนมาถึงเกาะใหญ่กลางทะเลแห่งหนึ่งอันเป็นที่อยู่ของยักขินีมีนามว่า นางกาขาว นางยักษ์เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามอยู่ในเรือสำเภาก็เกิดความพึงพอใจบันดาลท้องฟ้าเกิดมืดครึ้ม เจ้าชายพิชัยมงกุฎจึงสั่งให้จอดพักสำเภา นางกาขาวได้เนรมิตรบ้านเมืองพร้อมปราสาทราชวังขึ้นมาบนเกาะแห่งนั้น ส่วนตนเองก็แปลงร่างเป็นสาวสวยโสภา พระพิชัยมงกุฎสงสัยว่าอาจจะเป็นเมืองของเนื้อคู่ที่กำลังติดตามหาจึงรีบเสด็จเข้าไปค้นหาในปราสาท พบนางกาขาวเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนางพิกุลทองจึงรับนางเป็นชายา ครั้นพอรุ่งเช้าตื่นขึ้นมาได้กลิ่นสาบสางก็เอะใจว่านางคงไม่ใช่มนุษย์น่าจะเป็นยักษ์แปลงมา จึงรีบชวนเหล่าข้าราชบริพารที่ตามเสด็จลงสำเภาทองหนีไป
เจ้าหญิงพิกุลทองรออยู่ ๗ วัน ครั้นเห็นเรือสำเภาทองของพระพิชัยมงกุฎมาถึงหาดปักษีก็รู้ว่าเป็นผู้ที่ออกติดตามค้นหาและมาช่วยเหลือตามคำอธิษฐานจึงขอฝากตัวกับเจ้าชาย ฝ่ายพญาแร้งเมื่อสอบถามกับเหล่าบริวารได้ความว่าไม่มีผู้ใดจับเจ้าหญิงกินก็ดีใจชวนกันมาที่หาด
พอมาถึงพญาแร้งเห็นเจ้าหญิงพิกุลทองอยู่กับเจ้าชายพิชัยมงกุฎก็รีบนำบริวารเข้าโจมตีสำเภาทอง เกิดกสนต่อสู้กันอย่างแข็งขัน พญาแร้งพลาดท่าถูกศรของเจ้าชายถึงแก่ความตาย เหล่าบริวารที่ยังเหลืออยู่ต่างพากันบินหนีไป เจ้าชายพิชัยมงกุฎจึงนำสำเภาทองเดินทางกลับบ้านเมืองและได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงพิกุลทองอย่างสมพระเกียรติ
วันหนึ่งเจ้าชายพิชัยมงกุฎได้พาเจ้าหญิงพิกุลทองพระมเหสีและพระโอรสทั้งสองพระองค์ คือ พระลักษณา วัย ๗ พรรษาและ พระยมยศ วัย ๔ พรรษา ไปพายเรือเก็บบัวในทุ่งให้เป็นที่สำราญพระทัย ฝ่ายนางยักษ์กาขาวเมื่อเจ้าชายพิชัยมงกุฎหนีออกมา นางก็ออกติดตามหาเป็นเวลาหลายปี จนมาพบและสบโอกาสในวันนี้ก็รีบแปลงกายเป็นดอกบัวทองผุดอยู่ใต้น้ำ เจ้าหญิงพิกุลทองเห็นนึกอยากได้ก็เอื้อมมือไปเด็ดเลยถูกนางยักษ์ดึงตัวตกจากเรือแล้วสาปให้เป็นชะนี ส่วนนางยักษ์แปลงร่างเป็นเจ้าหญิงพิกุลทองทำทีเป็นเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำ เจ้าชายรีบส่งมือช่วยฉุดเจ้าหญิงพิกุลทองตัวปลอมขึ้นมาบนเรือ พระลักษณากับพระยมยศเห็นมีชะนีโผล่ขึ้นจากน้ำทีหลังรู้ว่าเป็นพระมารดาต่างส่งเสียงร้องเรียกและช่วยกันอุ้มขึ้นเรือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น